มนุษย์เรารู้จักไฟฟ้ามานานกว่า 2,000 ปีแล้ว แต่ไม่มีใครบอกได้ว่ามันคืออะไร
ทราบแต่เพียงว่ามันคือพลังงานรูปหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานความร้อน
แสง และเสียง เป็นต้น ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่านักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกชื่อเทเลส (Theles) เกิดอยู่ในระหว่างก่อนปี พ.ศ. 3-81
ได้นำแท่งอำพันมาขัดสีกับผ้าขนสัตว์
แท่งอำพันที่เกิดความร้อนขึ้นนั้นจะมีอำนาจดูดสิ่งของเบาๆได้ เช่น ผม
กระดาษชิ้นเล็กๆ เป็นต้น จึงได้ตั้งชื่อเป็นภาษากรีกว่า อิเล็กตรอน (Electron)
ต่อจากนั้นมาประมาณ 2,000 ปี คือราว พ.ศ. 2148 ดร.กิลเบอร์ต (Dr.Gillbert)
เป็นชาวอังกฤษ ได้รื้อฟื้นหลักการของไฟฟ้าสถิตของเทเลส
โดยนำเอาผ้าแพรผ้าขนสัตว์มาถูกับแท่งแก้ว แท่งยางสน แท่งกำมะถัน
และนำไปทดลองดูดของเบาๆ
ได้รับผลสำเร็จเช่นเดียวกันจึงได้ตั้งชื่อไฟฟ้าที่เกิดขึ้นใหม่ว่าไฟฟ้า (Electricity)
จากคำนี้เองได้นำมาใช้จนถึงปัจจุบัน
วัตถุทุกชนิดที่อยู่บนโลก
เมื่อมองอย่างผิวเผินจากภายนอก สามารถบอกได้ว่ามีความแตกต่างกัน
การมองอย่างไม่มีการศึกษาวิเคราะห์วิจัย
จะไม่สามารถบอกได้ว่าวัตถุเหล่านั้นแตกต่างกันเพราะอะไร แต่ถ้ามองอย่างรอบคอบและทำการศึกษาวิเคราะห์วิจัยไปพร้อมๆกันก็จะพบว่าวัตถุต่างๆที่อยู่บนโลกมีความแตกต่างกันเพราะโครงสร้างส่วนเล็กๆ
ที่รวมตัวกันขึ้นมาเป็นวัตถุเหล่านั้นแตกต่างกัน
แต่พบว่าภายในโครงสร้างวัตถุเหล่านั้น
มีส่วนประกอบที่รวมตัวขึ้นมาเป็นวัตถุมีลักษณะเหมือนกันคือมี โมเลกุล อะตอม
นิวเคลียส นิวตรอน โปรตอน และอิเล็กตรอนเหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น